41. Oligopoly (ตลาดผู้ขายน้อยราย)
ตลาดที่มีผู้ขายน้อยรายคือตลาดที่ต้องพึ่งพาอาศัยกันด้านนโยบายการตั้งราคา
และผลผลิตจำนวนของผู้ขายมีน้อยรายจนทำให้ผู้ขายแต่ละรายมีอำนาจตลาดการผูก
ขาดโดยผู้ขายน้อยรายแตกต่างจากตลาดสมบูรณ์เนื่องจากผู้ขายแต่ละรายในตลาด
ต้องพึ่งพาอาศัยกันและแตกต่างจากการแข่งขันกึ่งผูกขาดโดยผู้ขายสามารถควบคุม
ราคาสินค้า และแตกต่างจากการผูกขาดโดยผู้ขายที่ผูกขาดจะไม่มีคู่แข่งขัน
โดยทั่วไปแล้วการวิเคราะห์การผูกขาดโดยกลุ่มผู้ขายน้อยรายจะสนใจที่ผลของการ
พึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันระหว่างบริษัทในการตัดสินใจเรื่องราคาและผลผลิต
42. Perfect Competition (การแข่งขันสมบูรณ์)
การแข่งขันสมบูรณ์ประกอบด้วยเงื่อนไข 4 ประการคือ
(1) มีผู้ซื้อและผู้ขายจำนวนมากและไม่มีผู้ใดที่มีผลต่อราคา
(2) ในระยะยาวมีการเคลื่อนย้ายวัตถุดิบในการผลิตอย่างเสรีไม่มีอุปสรรคในการเข้าและออกจากตลาด
(3) ผู้ซื้อและผู้ขายทั้งหมดในตลาดจะต้องได้รับข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจในการผลิตและบริโภคอย่างเต็มที่
(4) ผลิตภัณฑ์ควรเหมือนกัน
43. Price Discrimination (การเลือกปฏิบัติด้านราคา)
การเลือกปฏิบัติด้านราคาเกิดขึ้นเมื่อผู้ซื้อในตลาดที่ต่างกันต้องซื้อ
สินค้าหรือบริการที่เหมือนกันในราคาต่างกันด้วยเหตุผลอื่นที่ไม่ใช่ต้นทุน
การเลือกปฏิบัติด้านราคาจะมีผลถ้าหากลูกค้าไม่สามารถทำกำไรจากการขายสินค้า
หรือบริการให้แก่ลูกค้าอื่น
การเลือกปฏิบัติด้านราคาอาจมีหลายรูปแบบซึ่งรวมถึงการกำหนดราคาที่แตกต่าง
กันสำหรับกลุ่มลูกค้าที่ต่างกัน
ในบริเวณที่ต่างกันและประเภทของผู้ใช้ที่ต่างกัน
44. Price Fixing Agreement (การทำความตกลงร่วมกันกำหนดราคา)
เป็นการทำความตกลงร่วมกันกำหนดราคาระหว่างผู้ขายเพื่อจำกัดการแข่งขัน
ระหว่างบริษัทและทำให้มีกำไรสูงขึ้น
การทำความตกลงร่วมกันกำหนดราคาเกิดจากบริษัทพยายามที่จะมีพฤติกรรมผูกขาด
45. Price Leadership (การเป็นผู้นำด้านราคา)
ราคาและการเปลี่ยนแปลงราคาที่เกิดขึ้นจากการกระทำของบริษัทที่มีอำนาจเหนือ
ตลาดหรือบริษัทอื่นที่ได้รับการยอมรับให้เป็นผู้นำและมีบริษัทอื่นใน
อุตสาหกรรมเป็นผู้ตาม
เมื่อการเป็นผู้นำด้านราคาสินค้าเกิดขึ้นเพื่อช่วยในการสมรู้ร่วมคิดกันทำ
ได้ง่ายขึ้น
ผู้นำด้านราคามักจะกำหนดราคาสูงจนบริษัทที่มีประสิทธิภาพน้อยที่สุดในตลาด
อาจมีผลกำไรเหนือระดับราคาที่มีการแข่งขัน
46. Product Differentiation (ความแตกต่างของสินค้า)
สินค้าจะมีความแตกต่างกันเมื่อมีลักษณะทางกายภาพ คุณภาพ ความทนทาน
หรือการบริการภาพลักษณ์ และสถานที่ทางภูมิศาสตร์ต่างกัน
บริษัทที่มีการโฆษณาหรือกิจกรรมส่งเสริมการขายเพื่อให้สินค้าของตนมีความแตก
ต่าง
ความแตกต่างของสินค้าอาจทำให้เกิดอุปสรรคในการเข้าสู่ตลาดแต่แล้วอาจช่วยให้
การแทรกเข้าตลาดทำได้ง่ายขึ้นโดยบริษัทที่มีสินค้าซึ่งผู้ซื้ออาจชอบมากกว่า
สินค้าที่มีอยู่ ควรสังเกตว่าสินค้าที่มีความแตกต่าง (differentiated
products) ไม่เหมือนกับสินค้าที่มีคุณสมบัติต่างกัน (heterogeneous
product)
เนื่องจากสินค้าที่มีคุณสมบัติแตกต่างกันหมายถึงสินค้าที่ต่างกันและทดแทน
ไม่ได้ง่าย ในขณะที่สินค้าที่แตกต่างกัน (differential product)
สามารถทดแทนกันได้บางระดับ
47. Reciprocity (ความสัมพันธ์แบบต่างตอบแทนกัน)
ความสัมพันธ์แบบต่างตอบแทนกัน
เป็นรูปแบบหนึ่งของการตกลงร่วมกันสองฝ่าย (หรือหลายฝ่าย)
ระหว่างบริษัทเพื่อที่จะเอื้อต่อกันและกันในเรื่องของการซื้อและขายเพื่อ
จำกัดสิทธิของผู้อื่น
ซึ่งอาจมีผลจำกัดการแข่งขันและ/หรือป้องกันการเข้าสู่ตลาดของบริษัท
การจัดการแบบต่างตอบแทนกันทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการควบรวมกิจการ
ความสัมพันธ์ที่มีต่อกันและกันอาจก่อให้เกิดประโยชน์ต่อบริษัทโดยการรับรอง
ว่าสัญญาจะสมบูรณ์หรือไม่โดยการช่วยให้การขายสินค้าตัดราคาที่เป็นความลับทำ
ได้ง่ายขึ้น (secret price-cutting)
48. Recommended or Suggested Price (ราคาแนะนำ)
ผู้จำหน่ายอาจเสนอแนะหรือแนะนำราคาสินค้าที่ขายปลีกในหลายอุตสาหกรรม
บางกรณีผู้จำหน่ายอาจกำหนดราคาสินค้า "ที่สูงที่สุด"
เพื่อขัดขวางผู้ค้าปลีกจากการขึ้นราคาสินค้าเพื่อที่จะเพิ่มส่วนต่างของผล
กำไรและลดยอดขายทั้งหมด
พฤติกรรมเช่นนี้อาจเกิดขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงการฝ่าฝืนกฎหมายการกำหนดราคาขาย
ปลีก
ซึ่งเป็นการจำกัดและพยายามกำหนดราคาขายที่ต่ำที่สุดเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายของ
หลายประเทศ
49. Refusal to deal/sell (การปฏิเสธที่จะทำธุรกรรมด้วย)
การปฏิเสธที่จะจำหน่ายสินค้าให้แก่ผู้ซื้อ
ตามปกติคือผู้ค้าปลีกหรือผู้ค้าส่งซึ่งทำเพื่อบังคับผู้ค้าปลีกให้ร่วมในการ
กำหนดราคาขายต่อ เช่น
ไม่ลดราคาสินค้าหรือสนับสนุนไม่ให้ผู้ซื้ออื่นเข้าร่วมกิจกรรมหรือขายสินค้า
ให้แก่ลูกค้าเฉพาะรายหรือเฉพาะพื้นที่
การปฏิเสธที่จะทำธุรกรรมด้วยอาจเกิดขึ้นได้ถ้าหากผู้ซื้อมีเครดิตไม่ดีและมี
ความเสี่ยง เก็บสินค้าคงคลังไม่เพียงพอหรือบริการการขาย การโฆษณา
และการจัดวางสินค้าไม่ดีพอ เป็นต้น
ผลกระทบทางการแข่งขันในการปฏิเสธที่จะทำธุรกรรมด้วยต้องพิจารณาเป็นกรณี ๆ
ไป
50. Resale Price Maintenance (การกำหนดราคาขายต่อ)
ผู้จำหน่ายซึ่งกำหนดราคาที่ต่ำที่สุด (หรือสูงที่สุด)
ซึ่งจะต้องขายต่อให้ผู้บริโภค จากมุมมองด้านนโยบายการแข่งขัน
การกำหนดราคาขายที่ต่ำที่สุดจะเป็นปัญหาและมีการโต้แย้งว่าการรักษาระดับ
ราคาขายจะทำให้ผู้จำหน่ายสามารถควบคุมตลาดสินค้าได้
รูปแบบของการกำหนดราคาในแนวดิ่งอาจป้องกันไม่ให้ส่วนต่างระหว่างราคาขายปลีก
และราคาขายส่งลดลงหากมีการแข่งขัน อย่างไรก็ตาม
ได้มีการโต้แย้งว่าผู้จำหน่ายอาจต้องการปกป้องชื่อเสียงหรือภาพลักษณ์ของ
ผลิตภัณฑ์และป้องกันจากการที่ผู้ค้าปลีกนำไปใช้เสมือนผู้นำในการขาดทุนเพื่อ
ที่จะดึงลูกค้า เช่นเดียวกัน
โดยการรักษาส่วนต่างของกำไรจากการกำหนดราคาขายปลีก
ผู้ค้าปลีกอาจมีแรงจูงใจที่จะใช้ค่าใช้จ่ายด้านบริการมากขึ้น
ลงทุนในสินค้าคงคลัง โฆษณาและเข้าร่วมในความพยายามอื่น ๆ
ที่จะเพิ่มความต้องการสินค้าต่อผลประโยชน์รวมทั้งของผู้จำหน่ายและผู้ค้า
ปลีก การกำหนดราคาขายปลีกอาจใช้เพื่อป้องกันผู้ค้าปลีกจากการเอาเปรียบ
(free riding) โดยผู้ค้าปลีกที่แข่งขันกัน
ซึ่งแทนที่จะเสนอราคาสินค้าที่ต่ำลง และใช้เวลา
เงินและความพยายามในการส่งเเสริมและอธิบายความซับซ้อนทางเทคนิคหรือการมี
ส่วนร่วมในผลิตภัณฑ์ ตัวอย่างเช่น
ผู้ค้าปลีกรายหนึ่งอาจไม่ลดราคาสินค้าแต่จะสาธิตและแสดงให้ผู้บริโภคที่ใช้
สินค้าที่ซับซ้อนดู เช่น คอมพิวเตอร์
หลังจากที่ลูกค้าได้ข้อมูลนี้เลือกที่จะซื้อคอมพิวเตอร์จากผู้ค้าปลีกซึ่ง
ขายคอมพิวเตอร์ในราคาต่ำและไม่เสนอการสาธิตหรือแสดงการใช้ให้ดู
ในหลายประเทศการรักษาระดับราคาขายต่อเป็นความผิดโดยไม่ต้องพิสูจน์แต่มีข้อ
ยกเว้นบางกรณีหรือบางสินค้า
ที่มา : http://www.idis.ru.ac.th/report/index.php?topic=2440.0
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น